คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่อง ‘การตรวจสอบการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยรามคำแหง’
คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่อง การตรวจสอบการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ N409 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ครั้งนี้ ผศ.ดร. ศุภสิทธิ์ จารุพัฒน์หิรัญ ได้เข้าร่วมและให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยมีประเด็นดังนี้
สืบเนื่องจาก ผศ.ดร. ศุภสิทธิ์เคยดำรงตำแหน่ง รองอธิการฝ่ายการคลัง ได้ถูกมอบหมายให้ดำเนินการทำแผนที่ที่ดินของมหาวิทยาลัย ในพื้นที่นครนายกและปราจีนบุรี จำนวน กว่า 2,800 ไร่ ได้พบความผิดปกติจากการพิจารณาภาพดาวเทียม คาดว่าพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ในเขต ตำบลบ้านสร้าง ปราจีนบุรี ถูกขุดหน้าดินเป็นบ่อปลา (640,000 ลบม. คิดเป็นเงิน 160 ล้านบาท) และการดำเนินการที่ผิดปกติอีกหลายอย่าง เช่น การนำกองดินมากองสูงเกิน 6 เมตร ทำให้สนามเทนนิส กกท เกิดความเสียหาย (เหตุเกิด ปี 64) ต้องเสียค่าซ่อมแซมกว่า 7 ล้านบาท
ในโอกาสนี้ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเทียบโอนหลักสูตร ป เอก จากโครงการหลักสูตรนานาชาติ ไปยังโครงการหลักสูตรภาษาไทย (ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์) มีเอกสารแสดงว่าทำไม่ถูกต้องตามข้อบังคับ มร.ว่าด้วยการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ได้แก่ มีการลงทะเบียนเรียนดุษฎีนิพนธ์ ก่อนมีการตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา และการได้สอบป้องกันดุษฎีนิพนธ์ โดยไม่ต้องสอบสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เหมือนนักศึกษาท่านอื่นที่เรียนในโครงการเดียวกัน
และข้อมูลเรื่อง การที่สภามหาวิทยาลัยได้มีแต่งตั้งคณบดีบริหารธุรกิจ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง หลังจากที่ชนะคะแนนการสรรหา ทั้งที่มีอายุเกิน 60 ปีแล้ว จึงตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องสัญญาจะให้ตอนช่วงแถลงนโยบาย กับข้าพเจ้า ซึ่งเป็นผู้ลงสมัครลงสรรหาเป็นคณบดีบริหารธุรกิจ โดยปัญหาคือที่คณะบริหารธุรกิจมีเจ้าหน้าที่ ได้ทุจริตเงินโครงการพิเศษ ไปเป็นจำนวนเงินกว่าแปดล้านบาท ใช้เวลากว่า 3 ปี ในการสอบข้อเท็จจริง จนถึงปัจจุบัน พนักงานที่ทุจริตยังมีชื่อเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยอยู่ ทั้งที่พนักงานดังกล่าวได้ไม่มาทำงานหลังจากที่เซ็นเอกสารสารสารภาพผิดกับคณบดีบริหารธุรกิจในช่วงที่ดำรงตำแหน่งในสมัยที่หนึ่ง
โดยประเด็นที่น่ากังวลคือมหาวิทยาลัยมีการตั้งผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วขึ้นเป็นผู้บริหารเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพรรคพวกของตนเองและพยายามอ้างว่าผู้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ไม่สามารถถูกดำเนินการทางวินัยได้ เพื่อชักจูงให้ผู้บริหารกล้าทำตามนโยบายของตนซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ/ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย