ซาอุเดีย กรุ๊ป สั่งซื้อเครื่องบินตระกูล เอ320นีโอ จำนวน 105 ลำ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านการบินของซาอุดีอาระเบีย
กรุงเทพฯ ประเทศไทย 23 พฤษภาคม 2567 – ซาอุเดีย กรุ๊ป (Saudia Group) ตัวแทนของสายการบินเซาเดีย (Saudia Airlines) สายการบินประจำชาติของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสายการบิน ฟลายอะดีล (flyadeal) สายการบินราคาประหยัดในกลุ่มธุรกิจ ได้ลงนามในคำสั่งซื้อเครื่องบินตระกูล เอ320นีโอ (A320neo) เพิ่มเติมจำนวน 105 ลำ โดยคำสั่งซื้อประกอบด้วยเครื่องบิน A320neo จำนวน 12 ลำ และ เอ321นีโอ (A321neo) จำนวน 93 ลำ ทำให้ยอดการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสที่รอการส่งมอบทั้งหมดของ Saudia Group สำหรับเครื่องบินในตระกูล A320neo เพิ่มขึ้นรวมเป็นจำนวน 144 ลำ
ข้อตกลงดังกล่าวได้แถลงขึ้นที่งาน Future Aviation Forum ในเมืองริยาด โดยมี ฯพณฯ ซาเลห์ บิน นัสเซอร์ อัลจัสเซอร์ (H.E. Saleh bin Nasser AlJasser) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและบริการลอจิสติกส์แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ฯพณฯ อิบรอฮีม อัลโอมาร์ (H.E. Engr. Ibrahim Al-Omar) ผู้อำนวยการใหญ่ Saudia Group และ นายเบอนัวต์ เดอ แซงเต็กซูว์เปรี (Benoît de Saint-Exupéry) รองประธานฝ่ายขายธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส ร่วมในงานครั้งนี้
ฯพณฯ อิบรอฮีม อัลโอมาร์ ผู้อำนวยการใหญ่ Saudia Group กล่าวว่า “ซาอุดีอาระเบียได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินงานที่ท้าทายเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร เรากำลังเพิ่มเที่ยวบินและความจุจำนวนที่นั่งผู้โดยสารครอบคลุมจุดหมายปลายทางกว่า 100 แห่งที่กระจายอยู่ทั่ว 4 ทวีปของเรา และมีแผนขยายการดำเนินงานเพิ่มเติม ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย 2566 (Saudi Vision 2030) ได้กำลังดึงดูดนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และผู้แสวงบุญเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ทั้งหมดนี้ผลักดันให้เราตัดสินใจสรุปข้อตกลงที่สำคัญครั้งนี้ ซึ่งจะสร้างโอกาสในการจ้างงาน เพิ่มความน่าสนใจ และสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ”
นายเบอนัวต์ เดอ แซงเต็กซูว์เปรี รองประธานฝ่ายขายธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส กล่าวว่า “เครื่องบินตระกูล A320neo ที่สั่งซื้อเพิ่มเติมขึ้นมานี้จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ Saudi Vision 2030 ที่ท้าทายของซาอุดีอาระเบีย” และเสริมอีกว่า “เครื่องบินเหล่านี้จะช่วยเสริมกลยุทธ์ของ Saudia Group ในการพัฒนาขีดความสามารถด้านการบินของราชอาณาจักร ขณะเดียวกันก็ทำให้ทั้งสองสายการบินในเครือได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของเครื่องบิน A320neo ทั้งในด้านประสิทธิภาพที่ล้ำหน้า ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่า ความสะดวกสบายของผู้โดยสารในระดับสูงสุด ตลอดจนการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง”
ซาอุดีอาระเบียได้สร้างโอกาสด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินในระดับโลกให้เติบโตอย่างรวดเร็วจากแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 150 ล้านคน ภายในปี 2573 การสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสครั้งนี้จึงถือเป็นแรงผลักดันสำคัญเพื่อการบรรลุเป้าหมายของราชอาณาจักรและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก
ปัจจุบันเครื่องบินตระกูล A320 เป็นเครื่องบินทางเดินเดี่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยได้รับคำสั่งซื้อมากกว่า 18,000 ลำ จากลูกค้ากว่า 300 รายในทุกตลาดทั่วโลก โดบยเครื่องบิน A321neo เป็นสมาชิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูล A320neo ของแอร์บัส ซึ่งมีพิสัยบินและประสิทธิภาพที่เหนือชั้น เครื่องบินรุ่นนี้ติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่และปลายปีกชาร์คเล็ท (Sharklet) ทำให้ระดับเสียงรบกวนลดลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และประหยัดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเครื่องบินทางเดินเดี่ยวรุ่นก่อนหน้า ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุดให้กับผู้โดยสารด้วยห้องโดยสารทางเดินเดี่ยวที่ขนาดกว้างที่สุดบนน่านฟ้า โดยแอร์บัสได้ออกแบบเครื่องบินทั้งหมดในตระกูล A320 ให้สามารถใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ได้สูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของแอร์บัสที่ตั้งเป้าให้เครื่องบินทุกลำสามารถปฏิบัติการด้วย SAF ได้ 100% ภายในปี 2573
@Airbus @SaudiaGroup @Saudi_Airlines @flyadeal