TikTok ส่ง Holistic Solutions ต่อยอดความสำเร็จช่วงเทศกาล Mega Sales
- ชูเฟรมเวิร์ก ‘PACE’ กระตุ้นแบรนด์-ร้านค้า เร่งปรับตัวสร้างโอกาสและเพิ่มรายได้รับ Mega Sales พร้อมมัดใจผู้บริโภคด้วย TikTok Solutions
- TikTok Shop เผยยอด GMV ครึ่งปีแรกโต 500% ผ่าน Livestream [1] พร้อมมุ่งสนับสนุนธุรกิจไทยผ่าน 3 กลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับ Mega Campaign ครึ่งปีหลังนี้ได้แก่ 1) การจัด Year-End Mega Campaigns Sales, 2) ส่งเสริม Live Commerce, และ 3) เปิดโอกาสให้แบรนด์และร้านค้าพาร์ทเนอร์กับ Creators Affiliate
[กรุงเทพฯ ประเทศไทย] – [19 สิงหาคม 2567] TikTok แพลตฟอร์มเอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ไทย ธุรกิจทุกขนาด และคอมมูนิตี้ผู้ใช้ในประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสและสนับสนุนความสำเร็จให้ธุรกิจไทย แนะนำเฟรมเวิร์ก ‘PACE’ สำหรับแบรนด์และร้านค้าเพื่อนำไปใช้วางแผนกลยุทธ์การตลาด เรียนรู้พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มความหลากหลายสินค้าพร้อมวางกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ปรับไอเดียสร้างสรรค์คอนเทนต์ และโปรโมตแคมเปญการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ รับกระแส Shoppertainment ที่เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย พร้อมชู TikTok Solutions สำหรับแบรนด์และร้านค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดและขยายโอกาสให้กับทุกคนในอีโคซิสเต็มของ TikTok พร้อมเผย 4 พฤติกรรมนักช้อปบน TikTok ที่มีความต้องการเฉพาะในการช้อปสินค้าออนไลน์ช่วงครึ่งปีหลังจากนี้
ข้อมูลจาก Kantar เผยว่านักช้อปไทยถึง 77% ช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์ ตอกย้ำให้เห็นว่าพฤติกรรมการช้อปปิ้งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของผู้บริโภคไทย ขณะที่คอนเทนต์คือ “กุญแจสำคัญ” ในการขับเคลื่อนความสำเร็จของการทำตลาด Social Commerce ในภาคธุรกิจ ซึ่งการทำคอนเทนต์ช่วง Mega Sales ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านคุณภาพ (Quality) และปริมาณ (Quantity) โดยคุณภาพของคอนเทนต์จะช่วยเพิ่มยอดคลิก ยอด Engage จากผู้ชมมากกว่า 3 เท่า รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการดูคอนเทนต์ซ้ำ และเพิ่มปริมาณการแชร์คอนเทนต์
ปัจจุบัน TikTok มีจำนวนผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 325 [2] ล้านราย รวมถึงมีภาคธุรกิจกว่า 15 [2] ล้านรายที่ดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์มของ TikTok ในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน TikTok มีครีเอเตอร์มากกว่า 3 [3] ล้านรายที่สร้างรายได้จาก TikTok และมีผู้ขายมากกว่า 2.4 [3] ล้านคน (99% เป็นผู้ขายในประเทศ [3]) ช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์ ร้านค้า ผู้ประกอบการและผู้บริโภค เนื่องจากมีมหกรรมช้อปสินค้าเกิดขึ้นมากมายในแต่ละเดือน ข้อมูลจาก TikTok ในช่วงมหกรรม Mega Sales ปีก่อน (2566) พบว่า 89% [4] ของผู้ใช้ TikTok เลือกช้อปสินค้าในช่วง Mega Sales และปีนี้มีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.7 [4] เท่า ตอกย้ำให้เห็นว่าปรากฎการณ์ Shoppertainment ที่ผสานความบันเทิงกับการช้อปปิ้งอย่างลงตัวได้กลายเป็น Economic Engine ที่ขับเคลื่อนทั้ง Digital Economy และ Creative Economy ของประเทศให้เติบโต
คุณสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing – TikTok Thailand กล่าวว่า “TikTok มุ่งนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชันที่พร้อมสนับสนุนแบรนด์และธุรกิจไทยให้สามารถสร้างการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา จากการสำรวจของ TikTok พบว่าพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ The Bargain Hunters – นักช้อปผู้ล่าสินค้าราคาถูก, The Inspirational Shoppers – นักช้อปผู้สร้างแรงบันดาลใจ, The Effortless Shoppers – นักช้อปที่เน้นความสะดวกและ The Purposeful Shoppers – นักช้อปที่มีเป้าหมายชัดเจน ซึ่งหากแบรนด์วางแผนอย่างเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก็จะสามารถวางกลยุทธ์และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ของ TikTok เจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
พร้อมกันนี้ TikTok ได้นำเสนอ “PACE” เฟรมเวิร์กสำหรับแบรนด์และร้านค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด ซึ่งประกอบด้วย P-Persona – แบรนด์และธุรกิจต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย A-Assortment – ความหลากหลายของสินค้าและการวางกลยุทธ์การส่งเสริมการขายต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อและยอดขายรวม (GMV) C-Content – การสร้างแรงบันดาลใจด้วยคอนเทนต์คุณภาพเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า และ E-Empowerment – เพิ่มประสิทธิภาพของการโปรโมตและยอดขายด้วยเครื่องมือโฆษณาต่าง ๆ แบรนด์และร้านค้าสามารถนำองค์กรประกอบเหล่านี้ไปใช้ต่อยอดการรังสรรค์แคมเปญการตลาดได้ในทุกมิติ เตรียมพร้อมเพื่อรับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมหกรรม Mega Sales ที่กำลังจะมาถึง” คุณสิรินิธิ์ กล่าวเสริม
“Holistic Solutions ของ TikTok จะช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อใช้โอกาสจากกระแส Shoppertainment ในช่วง Mega Sales ซึ่งประกอบด้วย 3 โซลูชันหลักได้แก่ Ads Solution, In-App Shop Solution และ Live Commerce Solution ที่จะครอบคลุมกิจกรรมการตลาดใน TikTok ได้อย่างครบวงจร ช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้แบรนด์ และมอบ Seamless Experience ในการทำ Full-Funnel Marketing ได้ตรงตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มโปรโมต 1 เดือนก่อน Mega Sales, กระตุ้นให้คนดูปักตะกร้าและทำ Retargeting ช่วงแคมเปญเพื่อปิดการขาย, ไปจนถึงการเลือก Top Affiliate Content มาใช้ช่วง After Party ที่เป็นช่วงหลังแคมเปญไปแล้ว โดยดำเนินการร่วมกับเฟรมเวิร์ก PACE ได้อย่างลงตัว” คุณสิรินิธิ์ กล่าวสรุป
คุณกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์, Head of FMCG, E-Commerce – TikTok Shop Thailand กล่าวว่า “TikTok Shop เป็น Entertainment First Shopping Platform ที่นำเสนอข้อมูลและประสบการณ์การช้อปแบบอินเตอร์แอคทีฟเต็มประสิทธิภาพ ที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคที่มองการช้อปปิ้งเป็นกิจกรรมสนุกสนานและสร้างความพึงพอใจ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงแคมเปญ 8.8 ที่ผ่านมาเราเติบโตเคียงข้างธุรกิจไทยอย่างต่อเนื่อง TikTok Shop มียอด GMV เพิ่มขึ้นถึง 500% ผ่านช่องทางการซื้อสินค้าผ่าน Livestream [1] นอกจากนี้ Shop Tab ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 เพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าในการค้นหาสินค้าที่ต้องการอย่างรวดเร็วมียอดการเติบโตสูงถึง 100% [1] ขณะที่ยอดผู้ขายที่ลงทะเบียนเป็นร้านค้าใน TikTok Shop Mall เองก็เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า [1] ส่งผลให้ยอด GMV ของ TikTok Shop Mall มีการเติบโตถึง 18 เท่า [1] ตอกย้ำว่า TikTok Shop ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ One-Stop Shopping ให้แก่ผู้บริโภคไทย พร้อมเปลี่ยน Shopping Journey ให้กระชับและยังมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าทึ่งให้กับแบรนด์และร้านค้าอย่างต่อเนื่อง”
“TikTok Shop แพลตฟอร์มที่สร้างโอกาสการเพิ่มรายได้ให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ ร้านค้าหรือครีเอเตอร์ ในช่วงเทศกาลลดราคา ผู้ใช้ TikTok ถึง 80% [4] มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าใน TikTok Shop ซึ่งสอดคล้องกับยอดขาย (GMV) ของแบรนด์และร้านค้าผ่านช่องทาง Live Commerce ใน TikTok Shop ที่เพิ่มขึ้นถึง 140% ในช่วง Mega Sales [5] เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้เราพบว่าการดูคลิปวิดีโอบน TikTok ส่งผลต่อพฤติกรรมการช้อปสินค้าของผู้บริโภค และสำหรับช่วงครึ่งปีหลังนี้ TikTok Shop จะมุ่งเน้นไปที่ 3 กลไกที่ขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับ Mega Campaign เพื่อสนับสนุนทุกคนในอีคอมเมิร์ซอีโคซิสเต็ม ได้แก่ 1) การจัด Year-End Mega Campaigns Sales 2) ส่งเสริม Live Commerce และ 3) เปิดโอกาสให้แบรนด์และร้านค้าพาร์ทเนอร์กับ Creators Affiliate โดยจะ Plug-In เข้ากับกิจกรรมทางการตลาดของ TikTok Shop ที่ร่วมกับทั้งพาร์ทเนอร์ แบรนด์-ร้านค้า และครีเอเตอร์ เพื่อผลักดันให้ TikTok Shop เป็นแพลตฟอร์มที่มอบโอกาสและสร้างความสำเร็จทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับทุกภาคส่วน” คุณกรณิการ์ กล่าวเพิ่มเติม
คุณวริษฐา สืบพันธ์วงษ์ CEO, Founder ของ บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์สกินแคร์ MizuMi (มิซึมิ) กล่าวว่า “ปัจจุบัน MizuMi เป็นแบรนด์สกินแคร์ของคนไทยที่ได้รับการยอมรับในตลาดออนไลน์ เรามีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เนื่องจากแบรนด์เราอยู่ในตลาดมานานจึงเข้าใจทุกการเปลี่ยนแปลงและพร้อมปรับตัวตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นในตลาดอีคอมเมิร์ซ เราเริ่มสร้างแบรนด์ใน TikTok มาตั้งแต่ปี 2565 โดยใช้ Ads Solution ของ TikTok ในแบบ Full Funnel Marketing และทำงานร่วมกับทีมงาน TikTok อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญและคอนเทนต์การตลาดที่น่าสนใจบนแพลตฟอร์ม โดยในช่วงแคมเปญ 7.7 ที่ผ่านมา MizuMi สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 30% [6] เทียบกับแคมเปญ 6.6 ในงบประมาณเท่ากัน และแคมเปญ 7.7 นี้เอง MizuMi ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดเจลลี่ตัวใหม่ UV Jelly Aqua Fresh Sunscreen ซึ่งวางกลยุทธ์ให้เป็นสินค้าหลักในทำการตลาดสำหรับแคมเปญนี้ ในระยะเวลาเพียง 3 วันของแคมเปญมียอดสั่งซื้อกันแดดเจลลี่เข้ามากกว่า 10,000 ชิ้นจากทุกแพลตฟอร์ม แต่ที่น่าสนใจคือยอดขายเกือบ 2 ใน 3 (63%) เกิดขึ้นบน TikTok Shop และสร้างผลตอบแทนจากค่าโฆษณาสูงถึง 10 เท่า ทั้งนี้ในครึ่งปีหลังแบรนด์วางแผนที่จะใช้ Solution ของ TikTok เหมือนเดิม แต่เพิ่มในส่วนของ Affiliate มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุน Creator ในการนำสินค้าของแบรนด์ไปรีวิว การวางสินค้าตัวหลักในแต่ละแคมเปญ ตลอดจนทดลองใช้ Creative ใหม่ ๆ สำหรับการไลฟ์ขายของตลอดช่วงแคมเปญ และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ MizuMi นั้นก็คือการทำ CEO คอนเทนต์บน TikTok เพื่อนำเสนอมุมมองในเรื่องต่าง ๆ แบ่งปันประสบการณ์อย่างจริงใจ ผ่านการทำคลิปสั้นและการ LIVE ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าพร้อมสร้างแบรนด์ให้เติบโตและประสบความสำเร็จในอนาคต”
คุณวัฒนา พรหมทอง และคุณวสุรัตน์ เอื้อสัจจะธรรม เจ้าของแบรนด์ Promthong (พรหมทอง) กล่าวว่า “เราเริ่มจากการเป็นหลังบ้านในขั้นตอนการผลิตให้กับแบรนด์ต่าง ๆ จากนั้นจึงเกิดไอเดียอยากทำธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ตัวเองขึ้นมาก็คือ ‘พรหมทอง’ โดยเปิดร้านใน TikTok Shop เมื่อปีก่อน และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นและเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์หลักคือการไลฟ์สดที่ไม่ได้เน้นการขายสินค้าแบบตรง ๆ ซึ่งสามารถสร้างสัดส่วนยอดขายจากการไลฟ์ได้ถึง 80% จากยอดขายทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงแคมเปญ 7.7 ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ 1 ปีที่เปิดหน้าร้านใน TikTok Shop แบรนด์มียอดขายเติบโตมากถึง 300% ช่วงมหกรรม Mega Sales จากนี้ เราจะเน้นการบริหารจัดการงบประมาณและการเลือกใช้ Ads Solution อย่างเข้มข้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Ads Solution, In-App Shop Solution หรือ Live Commerce Solution บวกกับการทำ Livestreaming อย่างต่อเนื่อง เพราะบน TikTok จุดขายคือคนชอบดูไลฟ์ เพราะมันดูเรียลดี เพื่อใช้โปรโมตสินค้า สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าหลากหลาย พร้อมเดินหน้าค้นหาแรงบันดาลใจและประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดคุณภาพสินค้ายิ่งขึ้น โดยพรหมทองมองว่าคอนเทนต์คือกุญแจสำคัญในการปิดการขายและสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้าระยะยาว”
จากการศึกษาของ Kantar พบว่าในช่วงสิ้นปีที่แล้วนักช้อปบน TikTok มียอดการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 [4] บาทในทุกเทศกาลเซล ดังนั้นมหกรรม Mega Sales ที่กำลังจะมาถึงนี้ไม่ว่าจะเป็น 9.9, 10.10, 11.11 และ 12.12 จึงเป็นอีเวนท์การช้อปครั้งสำคัญที่ผู้บริโภครอคอย เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับทุกสิ่ง ตั้งแต่การช้อปปิ้ง การขายสินค้า และการสร้างสรรค์เนื้อหา ซึ่ง Holistic Solutions ของ TikTok ไม่เพียงแต่สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์และมอบความสุข แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับแบรนด์ ผู้ขาย และครีเอเตอร์ในการเชื่อมต่อกับผู้ชมและลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน